ซื้อประกันออมทรัพย์ให้ได้ประโยชน์สูงสุด

 

อีกไม่กี่เดือนจะสิ้นปีละคร้าาา สิ้นปีแต่ละทีสิ่งที่คนหลาย ๆ คนนึกถึงก็คือ "ภาษี" ค่ะ และคำถามต่อมาที่เจ้เจอบ่อย ๆ คือ "ลดหย่อนยังไงดี" ซึ่งหนึ่งในมาตรการของรัฐ คือ "ประกันชีวิต" และประกันชีวิตแบบแรกที่คนไทยมักนึกถึงก่อนเลย คือ "ประกันออมทรัพย์"

 

ดังนั้น วันนี้เจ่เจ้จะมาขอเล่าขั้นตอนง่าย ๆ ในการทำประกันออมทรัพย์ค่ะ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดดีกว่าค่ะ

 

ขั้นที่ 1: สำรวจตัวเอง

เจ่เจ้จะเล่าวิธีสำรวจคร่าว ๆ ละกันค่ะ ง่าย ๆ เลย คือ ตอบคำถามว่า หนูมีหนี้เท่าไหร่ ดูแลใครอยู่บ้าง ถ้าหนูตายไป คนที่หนูดูแลอยู่จะตั้งตัวยืนบนขาตัวเองได้ในกี่ปี ซึ่งอันนี้เจ้เคยเขียนไว้แล้วค่ะ ไปตามอ่านกันได้ [คลิก]

 

ขั้นที่ 2: อุดช่องโหว่

ขั้นนี้หนูต้องดูค่ะ ว่าภาระแสนล้านที่หนูมี กับประกันที่หนูทำไว้มันครอบคลุมหรือยัง เช่น ตอนแรกมีภาระอยู่ 2 ล้าน แต่มีทุนประกันอยู่ 1.5 ล้าน อันนี้หนูก็ทำประกันออมทรัพย์ทุน 500,000 บาทเข้าไปเพิ่มค่ะ บางคนทำประกันเอาไว้จนครอบคลุมความเสี่ยงในปีที่แล้ว ปีนี้ก็ต้องสำรวจค่ะ ว่ามีการสร้างภาระใหม่หรือเปล่า เช่น ซื้อรถเพิ่มคันละ 500,000 บาท อันนี้เท่ากับภาระเพิ่มขึ้นมา ถ้าทุนประกันเดิมก็ไม่ครอบคลุมภาระที่สร้างขึ้นใหม่แล้ว แถมไม่อยากจ่ายยาวอีก เพราะภาระเรื่องรถก็แค่ 5 ปี 7 ปี ก็สามารถทำประกันออมทรัพย์เพิ่มเติมเข้าไปได้ค่ะ โดยเน้นทุนประกันให้ครอบคลุม และระยะเวลาสอดคล้องพอ ๆ กับภาระที่เกิดขึ้นใหม่นั้น ได้ทั้งความคุ้มครองและเงินออมไปพร้อม ๆ กัน

 

ขั้นที่ 3: เลือกประกัน

ซึ่งเจ่เจ้ขอแยกเป็น 3 กรณีค่ะ

กรณีที่ 1 ไม่เคยมีประกันชีวิตมาเลย

อันนี้เจ่เจ้แนะนำให้ทำประกันให้ครอบคลุมความเสี่ยงก่อนค่ะ อาจยังไม่เลือกทำประกันออมทรัพย์ แต่เน้นตลอดชีพก็ได้ เพราะประกันออมทรัพย์เนี่ย เบี้ยจะสูงกว่าประกันแบบตลอดชีพ แม้จะให้สิทธิในการลดหย่อนภาษี แต่ประกันออมทรัพย์ก็ให้ผลตอบแทนไม่เท่าการลงทุนประเภทอื่น ๆ หรอกค่ะ แต่ถ้าหนูสวย รวย เชิ่ด อยากทำให้ครอบคลุมภาระ ไม่แคร์สื่อว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ สวยและรวยเฟร่อ ก็เอาที่สบายใจค่ะ

กรณีที่ 2 ‎มีประกันเพียงพอแล้วแต่มีภาระเพิ่มขึ้นใหม่

อันนี้ต้องมาดูกันค่ะ ว่าภาระเนี่ยมันใหญ่โตมโหระทึกหรือเปล่า ถ้าหยุมหยิมไม่กี่แสน หนูก็ทำประกันออมทรัพย์ได้ เช่น ถ้าหนูซื้อรถระหว่างปี มีหนี้อยู่ 500,000 บาท ก็สามารถทำประกันออมทรัพย์ให้ทุนครอบคลุม 5 แสนบาทได้ แต่ถ้าภาระที่สร้างขึ้นใหม่มีมาก เช่น บ้านกลางกรุงราคา 10 ล้านบาท เจ้แนะนำลองพิจารณาประกันชีวิตแบบตลอดชีพ เนื่องจากจ่ายเบี้ยถูกกว่าและได้ความคุ้มครองมากกว่าคร่า ถ้าหมดสิ้นภาระแล้ว ก็ไปเวนคืนกรมธรรม์ เอาเบี้ยที่จ่ายไปคืนได้คร่า

กรณีที่ 3 ‎มีประกันเพียงพออยู่แล้วหรือชีวิตนี้ชั้นไม่มีภาระ ไม่ผูกพันธ์ใคร

กรณีนี้ ถ้าหนูตายไปไม่มีใครเดือดร้อน เรียกได้ว่าตัวคนเดียว หัวเดียวกระเทียมลีบ หาสมีภรรยาก็ไม่มีใครเอา (อุ๊ย!!! ผิด ๆ ๆ อย่างเราต้องบอกว่าไม่เอาใครสินะ) หรือมีประกันครอบคลุมภาระทั้งหมดอยู่แล้ว ต้องการทำประกันออมทรัพย์เพื่อลดหย่อนภาษีล้วน ๆ อันนี้ก็ทำไปเลยคร้า สวยและรวยมากอยู่แล้ว

 

โดยสรุปนะคะ ถ้าอยากจะทำประกันออมทรัพย์เพื่อลดหย่อนภาษีให้ได้ประโยชน์สูงสุด เจ่เจ้เสนอว่า

1. ถ้าเป็นการทำประกันฉบับแรก ควรเน้นที่ความคุ้มครองเป็นหลัก แต่ถ้าใครไม่เชื่อเจ้ อยากเน้นผลตอบแทนสูง ๆ ในเว็บ EJ-Fin.com เจ้ก็แนะนำให้ค้นหาประกันออมทรัพย์แบบเน้นบาลานซ์ผลตอบแทนกับความคุ้มครอง โดยเลือกในเว็บเจ้ตามรูป จากนั้นก็เลือกทุนประกัน ระยะเวลาจ่ายเบี้ย และระยะเวลาคุ้มครองให้เหมาะกับความต้องการของหนูเลยคร่า

 

 

2. ‎ทำประกันออมทรัพย์เพื่อเติมเต็มความคุ้มครองที่อาจเกิดจากภาระที่เพิ่มขึ้นระหว่างปี เช่น ระหว่างปีรูดบัตรซื้อกระเป๋าป้าดาราคา 3 แสน ผ่อน 0% 10 เดือน หนูก็ทำประกันเอไอเอ แบบ E445 ไปรัว ๆ นอกจากได้ความคุ้มครองเท่ากระเป๋าแล้ว ยังได้เก็บเงินไปในตัว

 

3. ‎ถ้าซิสมีเงินถุงเงินถัง อยากทำประกันออมทรัพย์ให้ทุนครอบคลุมภาระ ทำได้ค่ะ อย่างของฟิลลิปประกันชีวิตแบบ Premium Return 25/15 จ่ายเบี้ยเดือนละประมาณ 3,000 บาท ก็ได้ความคุ้มครอง 700,000 กว่าบาท ถ้าเงินเหลือ ๆ จะทำความคุ้มครองประมาณ 2 ล้านก็จ่ายเบี้ยเดือนละประมาณ 9,000 เองคร่า

 

ถ้าสนใจแล้วก็อย่าลืมเข้าไปค้นหาประกันผ่านเว็บเจ้ที่ EJ-Fin.com นะคะ ไปล่ะค่ะ ขอไปทำประกันออมทรัพย์ทุนสักสองแสนก่อน รูดบัตรซื้อชาแนลเดือนละใบแล้วจ่ายเต็ม เป็นหนี้รายเดือนอย่างเจ้ ตายไประหว่างเดือนประกันจะได้จ่ายค่ากระเป๋าให้แทน

 

แล้วก็อย่าลืมติดตามเจ้ที่เพจ

เจ้ฮวยรวยประกัน

และอ่านบทความพร้อมเลือกประกันจากหลากหลายบริษัทได้ที่เว็บ

EJ-Fin.com

นะคร้า

EJ-Fin.com อิสระแห่งการทำประกัน