สวัสดีคร่ะซิสซี่ซิสเตอร์ ไม่ได้เจอกันหลายวันยังสบายดีกันอยู่ไม่มีโควิด ไม่มีอุบัติเหตุโดนเฟอร์รารี่เฉี่ยวชนนะคะ เมื่อเช้าเจ่เจ้เปิด Youtube ฟังเพลงตามกิจกรรมยามเช้าที่ต้องทำทุกวัน บังเอิญ บังเอิ๊ญ บังเอิญ เพลงมันสุ่มไปเจอเพลงยิ่งไม่รู้ยิ่งต้องทำ อู้วหูววว โอ้โห! มันโดนจนต้องเขียนบทความเลยจร้า
เจ่เจ้จำได้ว่า ในชีวิตของเจ่เจ้ เคยเห็นน้ำตาพ่อเจ่เจ้แค่ครั้งเดียว ในวันนั้นเจ่เจ้อยู่มหาวิทยาลัยช่วงปีสอง พ่อเจ่เจ้ป่วยต้องทำบายพาสเส้นเลือดหัวใจ เจ่เจ้อยู่กับพ่อหน้าห้องเตรียมก่อนเข้าผ่าตัด วันนั้นพ่อเจ่เจ้น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
ซิสคะ มันเป็นน้ำตาของลูกผู้ชาย ที่เจ่เจ้สัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่ปนกับความกังวล ถ้าการผ่าตัดล้มเหลว ใครจะส่งลูกเรียนต่อ ลูกฉันจะเรียนจบไหม ชีวิตข้างหน้าของครอบครัวจะเป็นยังไง
ความรัก ทำให้เกิดความห่วง ความห่วงทำให้เกิดน้ำตา....
วันนั้นเจ่เจ้โชคดีที่การผ่าตัดสำเร็จ พ่อเจ่เจ้กลับมาแข็งแรงเป็นเสาหลักของครอบครัวได้
แต่ถ้ากลับกัน เจ่เจ้โชคร้าย การผ่าตัดไม่สำเร็จ ภาพสุดท้ายที่ติดตาเจ่เจ้ คงเป็นน้ำตาแห่งความรักและความห่วงใยของคุณพ่อ ตามมาด้วยภาพที่เจ่เจ้คงต้องยืนบนขาของตัวเอง การเรียนของเจ้ไม่รู้จะดีแบบที่เคยหรือเปล่า เมื่อเจอพายุชีวิต การเงินของที่บ้านคงพัง เพราะพ่อเจ่เจ้ก่อนผ่าตัดไม่ได้ทำประกันอะไรเอาไว้เลย
นึกถึงภาพหน้าห้องผ่าตัดวันนั้นทีไร มันทำเจ่เจ้ต้องกลับมาสัญญากับตัวเอง ว่าจะทำให้คนไทยทุกคนเขียนจดหมายรักทางการเงินเอาไว้ให้คนข้างหลัง จดหมายฉบับนั้นก็คือ กรมธรรม์ประกันชีวิต
จดหมายที่สัญญากับคนที่เรารัก ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะป่วย เราจะตาย เราจะยังดูแลคนที่เรารัก ไม่ใช่ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของเรา แต่เป็นลมหายใจสุดท้ายของเขา
หากพูดกันแล้ว ความรักตีค่าเป็นเงินไม่ได้ค่ะ แต่สำหรับเจ้ ความห่วง ซึ่งเป็นผลพวงจากความรัก ตีค่าเป็นเงินได้ค่ะ ส่วนใครที่อยากให้เจ่เจ้เป็นส่วนหนึ่งของการส่งต่อความรักของคุณไปยังคนรักโดยการเปลี่ยนความรักเป็นตัวเลขและช่วยเขียนจดหมายรักทางการเงินฉบับนี้ ติดต่อเจ่เจ้ได้โดยคลิกรูปด้านล่างนี้ แล้วเจ่เจ้จะส่งน้อง ๆ ไปดูแลค่ะ